ข่าวสารปศุสัตว์

     วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น.น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนางสาวจีรวรรณ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองจันทบุรี และนายนที มาทรัพย์ เจ้าพนักงานสัตวบาล อ.เมืองจันทบุรี ลงพื้นที่ วัดวิเวการาม (วัดเขาน้อยท่าแฉลบ) หมู่ 9 ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี ตรวจสอบสุขลักษณะ ของเตาเผาสัตว์เลี้ยง ซึ่งใช้งานมา 1 ปี เผาสัตว์เลี้ยงไปแล้วประมาณ 70 ตัว พร้อมมอบน้ำยาฆ่าเชื้อโรคให้แก่สัปเหร่อ เพื่อใช้ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคโต๊ะรองสัตว์ และบริเวณรอบๆเตาเผา รวมทั้งให้คำแนะนำในการป้องกันตนเองจากโรคสัตว์ที่อาจติดต่อสู่คน โดยวัดจะเผาสัตว์เลี้ยงตัวไม่ใหญ่มาก น้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม ที่สามารถนำเข้าเตาเผาได้ เป็นการรองรับความรักของผู้ที่เลี้ยงสุนัข แมว จนมีความผูกพันเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ที่สมควรได้รับการปฏิบัติที่ดีในขณะที่จากไป และเป็นการแก้ไขปัญหาสัตว์เลี้ยงทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของที่ตายแล้วไม่รู้จะนำซากไปฝังที่ไหน หากนำไปทิ้งในป่า ก็จะสร้างความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น และเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวัดจะจัดพิธีให้สัตว์เลี้ยงตามหลักศาสนา เริ่มจากนิมนต์พระสวดศพ ชักผ้าบังสุกุล ถวายสังฆทาน และเผาสัตว์เลี้ยงในเตาเผาปลอดสารพิษ รวมทั้ง เก็บเถ้ากระดูกสัตว์เลี้ยงไว้ให้เพื่อรอการส่งมอบคืนเจ้าของ หรือนำเถ้ากระดูกสัตว์เลี้ยงไปไว้โคนต้นไม้ ขั้นตอนในการขอใช้บริการ สามารถติดต่อพระที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล ที่เบอร์โทรศัพท์ 097-179-9585 โดยให้เจ้าของสัตว์เตรียมน้ำมันดีเซลในการเผาสัตว์มาด้วย ใช้น้ำมันดีเซลตามสัดส่วน น้ำหนักสัตว์ 1 กิโลกรัมต่อน้ำมัน 1 ลิตร ส่วนค่าไฟฟ้า และค่าบริการของสัปเหร่อ ทางวัดให้เป็นไปตามกำลังศรัทธาของเจ้าของสัตว์

@ครอบครัวปศุสัตว์ “ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง”
#กรมปศุสัตว์

     วันที่ 27 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนายนที มาทรัพย์ เจ้าพนักงานสัตวบาล อ.เมืองจันทบุรี ลงพื้นที่ บ้านเสม็ดงาม ม.10 ต.หนองบัว อ.เมืองจันทบุรี ฟาร์มม้าของนายมนตรี วิไลสมสกุล เลี้ยงม้า รวม 10 ตัว เป็นการอนุรักษ์ และพัฒนาม้าสายเลือดดี ไว้ใช้ในการแสดงศิลปวัฒธรรม และให้เด็กๆขี่ม้า อาชาบำบัด เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสุขภาพม้า ที่เคยเก็บตัวอย่างเลือด ส่งห้องปฏิบัติการ และไม่พบเชื้อโรคโลหิตจางติดเชื้อในม้า(EIA:Equine Infectious Anemia) จึงได้ฝังไมโครชิพที่แผงคอเพื่อทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ และบันทึกข้อมูลของม้าแต่ละตัว จำแนกสี ขวัญ และตำหนิ รูปพรรณม้า ใช้ในการจัดทำพาสปอร์ต(passport) หรือ สมุดทะเบียนประจำตัวม้า ซึ่งจะลงประวัติการตรวจโรคโลหิตจางติดเชื้อ ประวัติการฉีดวัคซีน อันจะเป็นประโยชน์ในการซื้อ ขายม้าว่าปลอดโรค และสร้างพื้นที่จันทบุรีให้เป็นพื้นที่ปลอดโรค เนื่องจากโรคโลหิตจางติดเชื้อในม้า ไม่มีการรักษาที่ได้ผล สัตว์ป่วยจะแสดงอาการมีไข้ขึ้นๆลงๆ ซูบผอม บวมน้ำ โลหิตจางและตายในที่สุด พาหะนำโรคที่สำคัญคือ แมลงดูดเลือด เจ้าของม้าจึงควรตรวจเลือดม้าทุกตัวที่จะนำเข้ามาเลี้ยงใหม่ และตรวจเลือดม้าอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง กำจัดแมลงดูดเลือด และปรับภูมิทัศน์ ทำความสะอาดคอกม้าไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงดูดเลือด รวมทั้งกางมุ้งในโรงเรือนเลี้ยงม้าโดยใช้ตาข่ายความถี่ 32 ตา/ตารางนิ้ว ที่สามารถป้องกันแมลงดูดเลือดได้ ขอเชิญชวนเจ้าของม้าติดต่อขอขึ้นทะเบียนสัตว์ได้ที่ปศุสัตว์อำเภอ และฝังไมโครชิพทำพาสปอร์ตม้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

@ครอบครัวปศุสัตว์ “ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง”
#กรมปศุสัตว์

     วันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 11.00 น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนายนริศร์ คงสมบุญ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดจันทบุรี น.สพ.ปราโมช พวงชมภู หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ และนายอยุทธ รจนากูล ปศุสัตว์อำเภอขลุง ลงพื้นที่ บ้านสะโทย ม. 1 ต.วังสรรพรส อ.ขลุง ซึ่งมีเกษตรกร เลี้ยงจิ้งหรีด รวม 6 ราย ตรวจประเมินเบื้องต้น(pre audit) และให้คำแนะนำการพัฒนาฟาร์มจิ้งหรีดให้ได้มาตรฐานแก่ฟาร์มศิริวรรณ ของนางศิริวรรณ วิสุขะ เพื่อให้เป็นต้นแบบมาตรฐานฟาร์มของกลุ่ม โดยฟาร์มศิริวรรณ เลี้ยงจิ้งหรีด จำนวน 22 บ่อ อาหารหลักใช้อาหารสำเร็จรูปชนิดผงสำหรับจิ้งหรีดและไก่พื้นเมือง เสริมด้วยฟักทองฝานเป็นชิ้นบางๆ ใช้เงินลงทุนครั้งแรกประมาณ 2,500 บาทต่อบ่อ เลี้ยงจิ้งหรีดจนอายุ 40 วัน จึงจับขาย ในราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม โดยใน 1 บ่อ มีจิ้งหรีดน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ขายได้ 2,000 บาท รวม 22 บ่อ หักต้นทุนแล้วมีกำไรสุทธิประมาณ 20,000 บาทต่อรอบ โดยจะพักบ่อเพื่อทำความสะอาดประมาณ 15 วัน แล้วเริ่มเลี้ยงใหม่ เลี้ยงได้ปีละ 6 รอบ สร้างรายได้ที่ดีให้แก่เกษตรกร จิ้งหรีดเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่ตลาดมีความต้องการสูง เป็นแหล่งโปรตีนทางเลือกใหม่ที่มีราคาถูก เลี้ยงง่าย และมีต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้ สำหรับฟาร์มจิ้งหรีดที่จะได้รับการรับรองมาตรฐาน มีองค์ประกอบ ดังนี้ ทำเลที่ตั้งฟาร์มไม่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารเคมีและยากำจัดศัตรูพืช โรงเรือนมีความมั่นคงแข็งแรง มีตาข่ายรอบโรงเรือน ทำความสะอาดบ่อเลี้ยงจิ้งหรีดก่อนนำไข่จิ้งหรีดลงบ่อ มีอาหารและน้ำสะอาด มีการควบคุมแมลงไม่ให้เข้ามาในโรงเรือนได้ ทำความสะอาดภาชนะก่อนเลี้ยงจิ้งหรีดรุ่นใหม่ทุกรอบการผลิต การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์ มีการรวบรวมขยะ ของเสียและมูลจิ้งหรีดในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด การที่ฟาร์มได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มจะช่วยสร้างความมั่นใจว่าจิ้งหรีดมีคุณภาพ ไม่มีสารพิษตกค้าง มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค โดยผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่

@ครอบครัวปศุสัตว์ “ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง”
#กรมปศุสัตว์

     วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลตำบลท่าใหม่ และนายวิทยา สุจิรวรกุล ปศุสัตว์อำเภอท่าใหม่ ลงพื้นที่บริเวณ ถนนเทศบาล 8 ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางมะลิวัลย์ ดอยล์ เจ้าของสถานสงเคราะห์สัตว์ เรือนมาลี เพื่อตรวจเยี่ยม แนะนำการพัฒนาสถานสงเคราะห์สัตว์ รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการสร้างสถานสงเคราะห์สัตว์ชั่วคราวในพื้นที่ข้างเคียงเพิ่มเติม ขนาดพื้นที่ 400 ตารางวา รองรับสุนัขจรจัดประมาณ 50 ตัว เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะติดตาม แนะนำให้ถูกหลักสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์มีความเป็นอยู่ที่ดี พร้อมนี้ได้มอบชิ้นส่วนเนื้อสุกร จำนวน 30 กิโลกรัม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโรงงานชำแหละตัดแต่งและแปรรูปสุกร จันทบุรี ให้แก่นางมะลิวัลย์ ดอยล์ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์ และสร้างขวัญกำลังใจ ในการดูแลสุนัข แมวจรจัด ซึ่งเป็นการช่วยเหลือสังคมส่วนรวม สำหรับลักษณะของสถานสงเคราะห์สัตว์ที่ดี ควรมีพื้นที่แยกสุนัขที่เข้ามาใหม่ไว้อย่างน้อย 10 วัน เพื่อดูพฤติกรรมและสุขภาพ มีการบันทึกสุขภาพ และฉีดวัคซีน ถ่ายพยาธิ สุนัขที่เจ็บป่วย อ่อนแอ หรือมีลูกอ่อน ไม่ควรอยู่รวมกับสุนัขที่แข็งแรงหรือก้าวร้าว หากเลี้ยงรวมเพศต้องได้รับการทำหมันทุกตัว สถานสงเคราะห์ควรมีการระบายอากาศดี มีรั้วล้อมรอบ มีหลังคาที่กันแดด กันฝนได้ดี พื้นภายในสถานสงเคราะห์สัตว์ควรใช้วัสดุปูพื้นที่ทำความสะอาดง่าย อาจเป็นพื้นเรียบขัดมันเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของเชื้อโรค พื้นภายนอกควรเป็นพื้นปูนหยาบ ผนังควรใช้วัสดุทำความสะอาดง่าย อาจเป็นผนังขัดเรียบแล้วทาสีน้ำมัน พื้นควรมีความลาดเอียงเพื่อการระบายน้ำที่ดี และมีตะแกรงหรือถังดักสิ่งปฏิกูลรองรับ ไม่ปล่อยของเสียลงทางระบายน้ำสาธารณะ มีการจัดการเสียงดังโดยใช้กระเบื้องยางปูพื้นทางเดินในอาคาร ปลูกต้นไม้โดยรอบและริมรั้ว เพื่อช่วยลดเสียงดัง สุนัขแต่ละตัวต้องการพื้นที่ประมาณ 2X2 เมตร มีพื้นที่ออกกำลังกายตัวละ 2.5-3.5 ตารางเมตร คอกควรเป็นตาข่ายถักสูงอย่างน้อย 2 เมตร มีแผงที่เอียงเข้า 45 องศาเพื่อป้องกันสัตว์ปีนป่าย มีน้ำสะอาดให้กินตลอดเวลา ภาชนะใส่อาหาร ใส่น้ำควรทำจากวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย และทนทานต่อน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และบุคลากรควรมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในการดูแลสัตว์ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่

@ครอบครัวปศุสัตว์ “ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง”
#กรมปศุสัตว์