ข่าวสารปศุสัตว์

     วันที่ 28 เมษายน เวลา 13.30 น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี เป็นประธานการประชุม ข้าราชการ และพนักงานราชการ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี ครั้งที่ 4/2565 เพื่อมอบนโยบาย ติดตามความก้าวหน้า และวางแผนการปฏิบัติงาน ของทุกกลุ่ม/ฝ่าย/ปศุสัตว์อำเภอทุกอำเภอ ด้วยระบบการประชุมทางไกลผ่านระบบ Zoom Meeting โดยการประชุมครั้งนี้มีปศุสัตว์อำเภอ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

     วันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 09.30น. นายภาณุ อินทฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ ร่วมกับนางสาวศุภลักษณ์ ศรีจันดี นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการ นายลิขิต  สืบวงษ์ นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว  นายสุนทร   บุญมีมาก เจ้าพนักงานสัตวบาลปฏิบัติงาน และเจ้าหน้าที่กลุ่มยุทธศาตร์และการพัฒนาการปศุสัตว์ ลงพื้นที่ ศาลาประจำหมู่บ้าน บ้านหนองหงษ์ หมู่ที่ 1 ตำบลสนามไชย อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี เพื่อสาธิตการผสมอาหารสัตว์ นำไปเลี้ยงไก่พื้นเมืองและไก่ไข่ แก่เกษตรกร จำนวน 15 ราย โดยใช้วัตถุดิบทางการเกษตรที่หาได้ในท้องถิ่น โดยเฉพาะใบกระถิน กากมะพร้าว โดยนำนำกากมะพร้าวและใบกระถินมาตากแดให้แห้ง ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่ กากถั่วเหลือง รำละเอียด มันสำปะหลังบด ข้าวโพดบด ปลายข้าว เพื่อลดการใช้อาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีราคาแพง  นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สามารถซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจำนวนมากได้ในราคาถูก รวมทั้งจะสนับสนุนให้เป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบในการขยายผลสู่เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ อันจะทำให้อาชีพการเลี้ยงสัตว์มีความมั่นคง สร้างรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป

     วันที่ 27 เมษายน 2565 เวลา 14.00น. นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมคณะกรรมการพิจารณาแผนงานประกอบกิจการฆ่าสัตว์ จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วย น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สาธารณสุขจังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด นายสมนึก สายทอง นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำแหลมสิงห์  น.สพ.จิรวัฒน์ ศิริเจริญสุขศรี หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ นางอนงค์ ธรรมเกษร ปศุสัตว์อำเภอแหลมสิงห์ ลงพื้นที่ ตรวจสอบสถานที่ชำแหละเนื้อเป็ด ของนางสุมลรัตน์ อามะจันทร์ ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ กำลังการผลิตเป็ดสัปดาห์ละ 50 ตัว ส่งขายตลาดสดในพื้นที่ อ.แหลมสิงห์ ให้มีกระบวนการชำแหละเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ และถูกต้องตามกฎกระทรวงการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ.2564 ออกตามความพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 ที่กำหนดให้มีรั้วกั้นป้องกันบุคคลภายนอกและสัตว์พาหะนำโรคเข้าไปภายในอาคารได้ โครงสร้างอาคารมีความแข็งแรงทนทาน มีผนัง เพดาน เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่สามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคได้ น้ำใช้มีความสะอาดตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข มีบริเวณรวบรวมขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูลที่เหมาะสม มีการระบายน้ำทิ้งที่มีประสิทธิภาพ มีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนที่สะอาดและส่วนที่ไม่สะอาด มีมาตรการป้องกันไม่ให้เนื้อสัตว์ปนเปื้อนสิ่งสกปรก จัดให้มีพนักงานตรวจโรคสัตว์ประจำสถานที่เพื่อตรวจโรคสัตว์ที่มีชีวิต และตรวจเนื้อสัตว์ก่อนนำออกไปจำหน่ายในตลาด รวมทั้งมีการขนส่งเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขลักษณะ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของเนื้อสัตว์แก่ผู้บริโภค

     วันที่ 26 เมษายน 2565 เวลา 14.00น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับนางสาวศุภลักษณ์ ศรีจันดี นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการ นายลิขิต  ลืมวงษ์ นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว นายภาณุ อินทฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ และนายไมตรี จุปะนะเต ปศุสัตว์อำเภอแก่งหางแมว ลงพื้นที่ ศาลาประจำหมู่บ้าน บ้านหนองเสม็ด ม.12 ต.ขุนซ่อง  อ.แก่งหางแมว เพื่อสาธิตการผสมอาหารสัตว์ นำไปเลี้ยงโคเนื้อ แก่เกษตรกร จำนวน 15 ราย โดยใช้วัตถุดิบทางการเกษตรที่หาได้ในท้องถิ่น โดยเฉพาะเปลือกทุเรียน ซึ่งในช่วงนี้ จังหวัดจันทบุรีมีจำนวนมาก โดยนำเปลือกทุเรียนมาสับละเอียดและผ่านกระบวนการหมักนาน 21 วัน ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ ได้แก่ กากปาล์ม กากถั่วเหลือง กากน้ำตาล มันสำปะหลังบด หญ้าเนเปียร์ ข้าวโพดบด กากน้ำตาล เพื่อลดการใช้อาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีราคาแพง สามารถลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์จาก 10 บาทต่อกิโลกรัม ลงเหลือประมาณ 5 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะให้โคเนื้อกินในลักษณะอาหาร TMR (Total Mixed Ration)หรือการนำอาหารข้นและอาหารหยาบมาผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม อาหารสัตว์ที่ผสมเสร็จแล้วจะมีโปรตีนร้อยละ 12 ซึ่งเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของสัตว์และการให้ผลผลิต นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สามารถซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจำนวนมากได้ในราคาถูก รวมทั้งจะสนับสนุนให้เป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบในการขยายผลสู่เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ อันจะทำให้อาชีพการเลี้ยงสัตว์มีความมั่นคง สร้างรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป