ปี 2565

     วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอแก่งหางแมว ตรวจต่ออายุสถานพยาบาลสัตว์แก่งหางแมวรักษาสัตว์ เป็นไปตามกฎ ระเบียนและมาตรฐานกรมปศุสัตว์

     วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30 น. นายภาณุ อินทฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริม พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธยาน์ งามประภาพร ตำแหน่งเศรษฐกรชำนาญการ สำนักงานเศษฐกิจการเกษตร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอมะขาม ลงพื้นติดตามการดำเนินงานโครงการศูนย์พัฒนาไม้ผลตามพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี เพื่อนำผลการดำเนินงานเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อไป

     วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.00น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี  พร้อมน.สพ.ประหยัด เข่งค้า หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ และนางสาวจีรวรรณ สาระทัศนานันท์  ปศุสัตว์อำเภอเมืองจันทบุรี ลงพื้นที่ โรงเรียนอนุบาลจันทบุรี อ.เมืองจันทบุรี ซึ่งได้รับนมโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน จากสหกรณ์โคนมสอยดาว จำกัด วันละ 1,405 ถุงหรือกล่อง เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ครูและนักเรียนด้านอาหารศึกษา(Food Education)เกี่ยวกับนมโรงเรียน และให้ครูคัดเลือกนักเรียนชั้นประถมศึกษา จำนวน 3 คน เป็น ยุวชน สายตรวจนมโรงเรียน ทำหน้าที่ช่วยเหลือครู ในการตรวจสอบนมโรงเรียน ที่ได้รับเป็นนมถุงหรือนมพาสเจอร์ไรส์ และนมกล่องหรือนม ยู เอช ที โดยตรวจสอบตั้งแต่รถที่ขนส่งนมโรงเรียน จนถึงสถานที่เก็บรักษานม นอกจากนี้ ยังตรวจสอบคุณภาพน้ำนมก่อนให้เพื่อนนักเรียนดื่ม โดยเทน้ำนมใส่แก้วใส ตรวจสอบลักษณะทางกายภาพเบื้องต้น ได้แก่ น้ำนมต้องมีสีขาวข้น ไม่จับตัวเป็นก้อน ไม่มีตะกอน หรือไม่แยกชั้น และไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งหากยุวชน สายตรวจนมโรงเรียน ตรวจพบปัญหาต่างๆดังกล่าว จะแจ้งครูให้ทราบทันที เพื่อระงับการแจกจ่ายนมให้เด็กนักเรียน ป้องกันปัญหาคุณภาพนมโรงเรียนที่จะส่งผลต่อ สุขภาพของเด็กนักเรียน

     วันที่ 30 พฤษภาคม 2565 เวลา 10.00น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับนายเชฏฐรุจ จันทร์แปลง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจันทบุรี นางสาวจีรวรรณ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองจันทบุรี และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ลงพื้นที่ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ของนายชัชวาล กาจธัญกรญ์ ตั้งอยู่ บ้านป่าผาด ม.3 ต.บางกะจะ อ.เมืองจันทบุรี  ซึ่งเลี้ยงโค 22 ตัว และกระบือ 30 ตัว ในพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มีแปลงปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 พื้นที่ประมาณ 2 งาน สาธิตการผลิตปุ๋ยหมักจากมูลโค กระบือ เพื่อนำปุ๋ยไปใช้บำรุงดินในแปลงปลูกหญ้าอาหารสัตว์ โดยใช้สารเร่ง พด.1 ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น มูลโค มูลกระบือ เปลือกทุเรียน ที่มีองค์ประกอบของเซลลูโลสและไขมันที่ย่อยยาก ในการผลิตปุ๋ยหมักที่มีคุณภาพสูงในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับขั้นตอนการทำปุ๋ยหมัก เริ่มจากกองพื้นด้วยเปลือกทุเรียนสับ ชั้นต่อมาเป็นแกลบดิบ แกลบเผา และมูลสัตว์ ตามลำดับ จากนั้นผสมสารเร่ง พด.1 ในน้ำ 20 ลิตร คนให้ละลาย ทิ้งไว้นาน 5-10 นาที นำไปราดบนกองปุ๋ยหมัก ชั้นที่หนึ่ง ย่ำให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม กองวัสดุซ้ำในแต่ละชั้นตามลำดับเหมือนเดิม รดด้วยน้ำละลายสาร พ.ด.1 ปิดชั้นบนด้วยเศษซากพืชเพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้น เก็บกองปุ๋ยให้หลบแดดหลบฝนได้ รดน้ำอยู่เสมอ กลับกองปุ๋ยทุก 15 วัน นาน 2-3 เดือน จากนั้นนำปุ๋ยหมักไปใช้ในอัตรา 2 ตันต่อไร่ เพื่อบำรุงดิน และเป็นแหล่งธาตุอาหารให้พืช เพิ่มความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดหรือด่างของดิน รวมทั้งเพิ่มแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ในดิน เป็นการนำมูลโค กระบือ และเศษซากพืช เช่น เปลือกทุเรียน แกลบ มาใช้ประโยชน์ ทำให้พืชอาหารสัตว์เจริญเติบโตได้ดี ได้ผลผลิตหญ้าเพียงพอต่อการเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ ปุ๋ยหมักสามารถขายได้ในราคา 1 บาทต่อกิโลกรัม เป็นการสร้างรายได้เพิ่ม รวมทั้งลดกลิ่นเหม็นจากมูลสัตว์ ลดแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน และลดน้ำเสียที่จะก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย