ปี 2565

     วันที่ 21 เมษายน 2565 เวลา 10 .00น. นายภาณุ อินทฤทธิ์ นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ ร่วมกับ นายลิขิต สืบวงษ์ นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว นางสาวจีรวรรณ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองจันทบุรี และเจ้าหน้าที่กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศการปศุสัตว์ ลงพื้นที่ ศาลาอเนกประสงค์บ้านแสลง ม.5 ต.แสลง อ.เมืองจันทบุรี เพื่อสาธิตการผสมอาหารสัตว์ สำหรับนำไปเลี้ยงไก่พื้นเมือง และไก่ไข่ แก่เกษตรกร จำนวน 15 ราย โดยใช้วัตถุดิบทางการเกษตรที่หาได้ในท้องถิ่น ได้แก่ รำละเอียด ปลายข้าว หยวกกล้วย ฟ้าทะลายโจร ข้าวโพดบด มาผสมในสูตรอาหารสัตว์เพื่อลดการใช้อาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีราคาแพง เป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ โดยอาหารสัตว์ที่ผสมเสร็จแล้วจะมีโปรตีนร้อยละ 14-16 ซึ่งเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของสัตว์และการให้ผลผลิต นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สามารถซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจำนวนมากได้ในราคาต่ำ รวมทั้งจะสนับสนุนให้เป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบในการขยายผลสู่เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ อันจะทำให้อาชีพการเลี้ยงสัตว์มีความมั่นคง สร้างรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป

     วันที่ 19 เมษายน 2565 เวลา 11.00น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี ร่วมกับนางสาวศุภลักษณ์ ศรีจันดี นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการ นายลิขิต  ลืมวงษ์ นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สระแก้ว นายภาณุ อินทฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ และนายนพดล อิงประภานนท์ ปศุสัตว์อำเภอสอยดาว ลงพื้นที่ ศาลาอเนกประสงค์บ้านเตาถ่าน ม.5 ต.ทุ่งขนาน อ.สอยดาว เพื่อสาธิตการผสมอาหารสัตว์ สำหรับนำไปเลี้ยงโคเนื้อ และไก่ไข่ แก่เกษตรกร จำนวน 15 ราย โดยใช้วัตถุดิบทางการเกษตรที่หาได้ในท้องถิ่น ได้แก่  รำละเอียด กากเนื้อในปาล์ม ปลายข้าว กากน้ำตาล กากถั่วเหลือง กากแป้งมัน มันสำปะหลังเส้น มาผสมในสูตรอาหารสัตว์เพื่อลดการใช้อาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีราคาแพง เป็นการลดต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ โดยอาหารสัตว์ที่ผสมเสร็จแล้วจะมีโปรตีนร้อยละ 12 -15 ซึ่งเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของสัตว์และการให้ผลผลิต นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้สามารถซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจำนวนมากได้ในราคาต่ำ รวมทั้งจะสนับสนุนให้เป็นกลุ่มเกษตรกรต้นแบบในการขยายผลสู่เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ อันจะทำให้อาชีพการเลี้ยงสัตว์มีความมั่นคง สร้างรายได้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไป

     วันที่ 19 เมษายน 2565 เวลา 14.00 น.น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนายชุติเทพ ภูมิพันธุ์ เจ้าพนักงานสัตวบาลปฏิบัติงาน และนายสมชาย จันทร์สำราญ เจ้าพนักงานสัตวบาล  ลงพื้นที่ บ้านทับสงฆ์ ม.2 ต.ทับช้าง อ.สอยดาว เจาะเลือดโคนมที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ของเกษตรกร ส่งตรวจโรคแท้งติดต่อ(Brucellosis) ทางห้องปฏิบัติการ เพื่อสำรวจความชุกของโรคแท้งติดต่อในฝูงโคนม และหากผลตรวจเป็นลบจะให้การรับรองเป็นฟาร์มปลอดโรคแท้งติดต่อต่อไป เพื่อประโยชน์ในการขายน้ำนมโคแก่สหกรณ์โคนมสอยดาว จำกัด ซึ่งมีนายวินนา ศรีสงคราม เป็นประธานสหกรณ์ รวมทั้งสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคนมและผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการปฏิบัติงานที่ผ่านมายังไม่พบโคนมเป็นโรคแท้งติดต่อ อย่างไรก็ตาม จังหวัดจันทบุรี ได้กำหนดเป้าหมายที่จะตรวจเลือดโคนมทั้งหมดที่มีประมาณ 3,000 ตัว เป็นประจำทุกปี เนื่องจากโรคแท้งติดต่อสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ 
โรคแท้งติดต่อมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ บรูเซลล่า เป็นโรคในสัตว์ได้หลายชนิด ได้แก่ โค กระบือ แพะ แกะ สุกร ม้า และสุนัข สัตว์ป่วยจะแสดงอาการแท้งลูกในช่วงท้ายของการตั้งท้อง ผสมไม่ติด ข้ออักเสบ สำหรับอาการในคนจะมีไข้เป็นระยะๆ ปวดหัว ปวดหลัง  ข้ออักเสบ โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการเจาะเลือดโคนมตรวจโรคแท้งติดต่ออย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ การจะนำโคนมเข้ามาเลี้ยงใหม่ในฟาร์ม เกษตรกรจะต้องกักแยกไว้ดูอาการอย่างน้อย 14 วัน และได้รับการเจาะเลือดตรวจโรคแท้งติดต่อก่อนที่จะปล่อยเข้ารวมฝูง ซึ่งหากพบผลบวกต่อโรคแท้งติดต่อ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะสั่งทำลายโคนมทันที เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคจากโรคสัตว์ติดต่อสู่คน

     วันที่ 18 เมษายน 2565 เวลา 09.30น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนายภาณุ อินทฤทธิ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ นายไมตรี จุปะนะเต ปศุสัตว์อำเภอแก่งหางแมว นายทยากร เพ็ชรผ่อง ปศุสัตว์อำเภอนายายอาม นายอดิเรก จันทะศิลา ปศุสัตว์อำเภอโป่งน้ำร้อน และนายอุดม คำรักเกียติเจริญ รองนายกเทศมนตรีตำบลพวา ลงพื้นที่ ศาลาประชาคม บ้านขุนซ่อง ม.3 ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว เพื่อมอบแม่โคเนื้อ อายุ 3 ปี จำนวน 70 ตัวให้แก่เกษตรกรรายละ 5 ตัว เป็นเกษตรกรในพื้นที่ อ.แก่งหางแมว จำนวน 13 ราย และเกษตรกรในพื้นที่ อ.นายายอาม จำนวน 1 ราย ยืมเลี้ยงเพื่อการผลิต ตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโค กระบือ ภายใต้โครงการอนุรักษ์ช้างป่า และแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรอยต่อ 5 จังหวัดในภาคตะวันออก โดยเกษตรกรต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสัญญายืมเลี้ยงเพื่อการผลิต โครงการธนาคารโค กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ เป็นการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์ให้แก่เกษตรกร สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และลดปัญหาความขัดแย้งจากปัญหาการบุกรุกของช้างป่าในพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกร ทำให้คนและช้างป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล โดยก่อนหน้านี้ ได้ส่งมอบแม่โคให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อนไปแล้ว จำนวน 9 ราย โค จำนวน 42 ตัว รวมเกษตรกรได้รับโคทั้งสิ้น จำนวน 23 ราย โค จำนวน 112 ตัว